สวัสดีครับ คู่บ่าวสาวทุกท่าน ก่อนอื่น กระผม ต้องขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวทุกๆ คู่ ที่ ความรัก ได้เดินทางมาถึง ฤกษ์งามยามดี สู่ประตูวิวาห์ และขอให้คู่บ่าวสาว ทุกๆ คู่สมหวัง และ ประสบพบเจอแต่ความสำเร็จ น่ะครับ

ก่อนอื่น ผมขออนุญาต แนะนำตัว ก่อนน่ะครับ
ผมชื่อ นาย ศิริพงษ์ ชื่นสุขสันต์ ตัวผมเองตั้งแต่จำความได้ ก็เกิดและโต อยู่ในสังคมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ มาทั้งชีวิต ได้เห็น ได้ออกแบบ ได้ตกแต่ง บ้านพักอาศัย จนถึงงานโครงการต่างๆ มาก็ไม่น้อย กว่า 30 ปี
ที่ไป ที่มา ทำไมมาทำสถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง
ผมเองพึ่งผันตัวเองมาจับธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ เมื่อต้นปี พ.ศ.2565 นี้เอง ด้วยความชอบส่วนตัวจนเป็นนิสัย ยัน สันดาน ผมชอบออกแบบและตกแต่ง และมีความสามารถในด้านนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ผมออกแบบเฟอร์นิเจอร์ระดับประเทศไว้มากมาย แต่ก็มีชื่อเสียงอยู่ในวงจำกัด ผมจึงอยาก ทำอะไร ที่เป็นจุดแลนด์มาร์ค และทำให้คนอื่น มีความสุขกับสิ่งที่ผมออกแบบ และมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับทุกท่านที่มาเที่ยว
อ่านเพิ่มเติม
ในตอนแรก ผมจะทำเป็นร้านอาหาร แนวคาเฟ่ แต่ด้วยพื้นที่ด้านข้าง ซึ่งเป็นโรงขยะของ กทม. ที่กำลังจะย้ายไปที่อื่น และเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะ ได้ต่ออายุอีก 20 ปี ทำให้แผนของผมต้องเปลี่ยนกะทันหัน ผมจึงได้เปลี่ยนแนวมาเป็น สตูดิโอ แทน เพราะด้วยต้นทุนที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่ผมลงทุนไป มากกว่า 60 ล้านบาท จะถอยก็ถอยไม่ได้ ยังไงก็ต้องเดินหน้าสู้ต่อไป ถึงแม้ อุปสรรคจะมีบ้างในเรื่องกลิ่น ก็เฉพาะวันที่ฝนตกไปหมาดๆ แต่ก็ไม่ใช่ทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจ คือ ประสบการณ์และความสามารถในการออกแบบ ตกแต่ง ของผม ที่น่าจะสร้างความพึงพอใจ และเติมเต็ม ความฝัน ของคู่บ่าวสาว ได้ ไม่มากก็น้อย หากคู่บ่าวสาว ท่านใด ได้เห็นรูปตัวอย่าง หรือ ภาพที่แชร์กันในหมู่เพื่อนฝูง แล้วสนใจ ที่จะมาบันทึกความทรงจำอันแสนหวาน ที่ พญาไม้ เวดดิ้งสตูดิโอ ผมบอกไว้ ณ. ที่นี้เลยน่ะครับว่า ต่อให้วันที่ท่านมา มีกลิ่นไม่พึงประสงค์สักหน่อย ท่านอาจต้องทนสักพัก ก็จะชิน มันไม่ได้ถึงขั้นเสียชีวิตน่ะครับ ถ้าทนไม่ได้จริงๆ ผมคืนเงินให้ได้ครับ ไม่ต้องฝืนครับ ลองมาเที่ยว มาชมก่อนครับ เพราะไม่ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผมเตรียมไว้ให้ มุมถ่ายภาพที่ครอบคลุม แนวพรีเวดดิ้ง เกือบทั้งหมด หลากหลายแนวในประเทศไทย และต่างประเทศ ผมก็พยายามรังสรรค์ ไว้ให้ ท่านมาที่เดียว เสมือนยกกองไปหลายที่ เสียเงินกันเป็นแสนบาท แต่ถ้ามาที่ผม พญาไม้เวดดิ้งสตูดิโอ ผมคิดเพียง ชั่วโมงล่ะ 2,000 บาทเท่านั้นครับ
ทำไมถึงทำราคาเพียงแค่นี้ และให้เช่าเป็นรายชั่วโมง
ในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ค่าครองชีพสูง ค่าใช้จ่ายในงานแต่งก็มากตาม จนหลายคู่ ถึงขนาดต้องกู้หนี้ยืมสิน หรือเก็บเงินกันเป็นแรมปี เพื่องานในฝัน ผมจึงเห็นว่า หลายๆ คู่ เริ่มมองการถ่ายพรีเวดดิ้ง ในฝัน อย่างเช่น วิวภูเขาสวยๆ วิวป่า วิวต้นไม้ หรือ วิวทะเล เป็นเรื่องที่เริ่มไกลตัวมากขึ้นทุกที เพราะมีอุปสรรค นอกจากความลำบากที่คู่บ่าวสาว ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดแล้ว ยังมีค่ายกกอง ของทีมงานอีก ไหนจะค่าน้ำใจเลี้ยงดู อาหาร เครื่องดื่ม ค่าเดินทาง หรือแม้กระทั่งที่พัก ซึ่งเป็นงบที่ค่อนข้างสูง หลายๆ คู่ จึงลดงบแพ็คเกจลง เป็นแพ็คเกจราคาถูก ที่ถ่ายรูปกันในสตูดิโอ ฉากขาว ฉากสีแทน
อ่านเพิ่มเติม
ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกว่า การถ่ายแต่ฉากขาว ฉากสี ไม่ดีน่ะ แต่เพียงผมคิดไปคนเดียวว่า ถ้าผมทำสถานที่ ให้ง่ายกับคู่บ่าวสาว ที่ชอบพรีเวดดิ้งแนว outdoor พรีเวดดิ้งแนวสวน พรีเวดดิ้งแนวธรรมชาติ พรีเวดดิ้งแนวต้นไม้ พรีเวดดิ้งแนวหาดทรายทะเล หรือแม้กระทั่ง พรีเวดดิ้งแนวหรูหราในสวน แบบต่างประเทศ มาไว้รวมกันในสตูดิโอเดียวกัน ใน กรุงเทพฯ เพื่อให้ คู่บ่าวสาว ประหยัดต้นทุนลง ไม่ต้องเสียค่ายกกองและค่าใช้จ่าย จิปาถะ น่าจะดี น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และผมก็ได้ใช้ความสามารถของผม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฝัน ให้ความสุขกับคู่บ่าวสาว ไปในตัวด้วย และถ้าถามต่อ ถึง ทำไม ต้อง 2,000 บาท คือจากที่ผมได้หาข้อมูล ว่าคู่บ่าวสาว ที่อยากถ่าย outdoor และเป็นแพคเก็จเริ่มต้น นิยมไปถ่ายกันที่ไหน คำตอบส่วนมากคือ สวนสาธารณะ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท ผมจึงเอาราคานี้ ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างพื้นฐาน มาเป็นราคาตั้งในสตูดิโอ ของผม แต่ผมก็ต้องออกตัวก่อนว่า ถ้าเอาความอลังการของพื้นที่ Landscapeผมสู้สวนสาธารณะ ไม่ได้น่ะ แต่ผมมีประติมากรรม ผมมีแนวจัดสวนที่ทำไว้สำหรับมุมภาพเลย คิดง่ายๆ เหมือนผมทำมุมให้ คู่บ่าวสาว ไปถ่ายแบบนิตยสาร ถ่ายหนัง โดยเฉพาะมากกว่า และผมมีห้องแต่งหน้า แต่งตัว ห้องแอร์ บริการ มุมถ่ายภาพแต่ล่ะมุม อยู่ห่างกันไม่ไกล ทั่วพื้นที่ 5 ไร่ ของผม เดินผ่านไม่ถึง 10 ก้าว จะมีมุมถ่ายรูปมุมใหม่เสมอ ไม่ใช่เหมือนในสถานที่แบบ Landscape กว่าจะเดินหาจุดถ่ายรูป จุดนึง ต้องเดิน อ้อมป่า อ้อมเขา ปีนกำแพง ข้ามฝั่งกัน ทุลักทุเล นี่คือ จุดแข็ง ที่ผมเอาความรู้ ความสามารถ จากประสบการณ์ในอาชีพเกี่ยวกับตกแต่งบ้านของผมมาใช้ รับรองว่าคุ้มค่ากับชั่วโมงล่ะ 2,000 บาท และจากคำถามข้างต้น ทำไมต้องรายชั่วโมง ก็จากที่ผม ดูจากราคาแพ็คเกจเริ่มต้น ส่วนมาก ให้รูปไม่เกิน 30 รูป ผมจึงวิเคราะห์ว่า 1 ชั่วโมง ในสตูดิโอของผม ต่อให้ถ่ายกันแบบเรื่อยๆ ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ยังไงก็ได้มากกว่า 100 ภาพ เลือกยังไง ก็เหลือแน่นอน แล้วถ้าเทียบกับ สตูดิโอ ที่อื่น ส่วนมากเป็นรายวัน หรือ ครึ่งวัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 6,000 8,000 บาทขึ้นไป เมื่อมาคิดถึงว่าสุดท้าย เลือกรูปเพียง 30 รูป ผมคิดว่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไปสำหรับคู่บ่าวสาวในกรณี ที่คู่บ่าวสาว มีกำลังทรัพย์ จ่ายไหว นั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อมีอำนาจใช้จ่าย คู่บ่าวสาว ก็สามารถเลือกที่สวยและถูกใจที่สุดได้ ไม่มีของนอกกายอะไรในโลก ที่เงินซื้อไม่ได้ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าที่ พญาไม้ เวดดิ้งสตูดิโอ มีทั้งความสวย สะดวก สะอาด สบาย ครบเครื่อง หลากหลายมุม หลากหลายสไตล์ แถมยังถูกเงิน อีกด้วย หวังว่าคงเป็นตัวเลือกให้กับคู่บ่าวสาว ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ น่ะครับ


ทำไมบาง zone ถึงนำเอา ศาสตร์ ฮวงจุ้ย และ มูเตลู มาเกี่ยวข้อง
สำหรับ คู่บ่าวสาว สมัยใหม่ อาจไม่ค่อยได้ให้ความสนใจ กับ เรื่องพวกนี้มากนัก แต่สำหรับผม ถือว่าเป็น คนทันยุคทั้ง 4 ยุค เช่น
ยุคที่เชื่ออย่างสนิทใจ และมีศาสนาเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต เหมือนรุ่นปู่ย่า ตายาย ยุคที่เชื่อและปฏิบัติตามคนรุ่นก่อนแถมไหว้พระ ไหว้เจ้าแบบจริงจัง มีประเพณี และแบบแผน เป็นอย่างมาก ถ้าพูดเอาขำๆ แทบไม่มีบ้านคนค้าขายบ้านไหน ไม่มี ตี่จู่เอี๊ย หรือ ศาลตาศาลยาย หรือ หิ้งพระ ไม่มีๆ ก็ พระแม่นางกวัก ยังไงก็ต้องมี และต้องยอมรับอีกเรื่องหนึ่ง คนยุคนี้ คือคนยุคสร้างพื้นฐานให้กับสังคมประเทศไทย เป็นยุคที่เราเห็นเจ้าสัวมากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม
ยุคที่เริ่มไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ เพราะมีความเจริญทางวัตถุมากขึ้น ความรู้มากขึ้น เริ่มมีตัวตนเป็นของตนเอง รุ่นนี้ คือ รุ่นผมเอง บางคนก็ยังมูอยู่ บางคนก็ปีนึงเข้าวัดถวายสังฆฑานแค่เฉพาะวันเกิด หรือวันทางศาสนา รุ่นนี้มีทั้งละลายทรัพย์คนรุ่นก่อน และก็มีรุ่นที่ต่อยอดจากฐานที่มั่นคงไปสู่ดวงดาว และสุดท้ายยุคปัจจุบัน ที่เด็กรุ่นใหม่ นับถือศาสนา แค่ในบัตรประชาชน ซ่ะส่วนมาก ซึ่งก็น่าจะเป็นช่วงวัยของลูกค้าของผมนี่แหละ ที่กำลังเข้าสู่วัยกำลังตั้งตัว เริ่มแต่งงาน มีครอบครัว เริ่มหาความมั่นคงในอาชีพ หรือ ทำธุรกิจ ในมุมมองของผม ที่ทัน ทั้ง 4 ยุค ผมไม่ได้ มูเตลู จนชนิดเข้าเลือดแบบเชื่อโดยไม่มีเหตุผล ที่ไม่มีกินยังไง เราก็ต้องไหว้เจ้า แต่ผมศรัทธาเพื่อความสบายใจ เพื่อผลทางธุรกิจ และความรุ่งเรือง จากการที่ผมอยู่กับคนเฒ่าคนแก่ยุคที่ 1 มาก่อน ในสมัยนั้นไม่ได้มีหลักวิทยาศาสตร์อะไร มาหักล้างให้เขาในยุคนั้นได้ เพราะอินเตอร์เน็ตยังเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ การที่พวกเขาเหล่านั้นจะสอนลูก สอนหลาน ให้ปฏิบัติตาม จึงเป็นเรื่องยาก เลยต้องมีพวกนิทานผสมขู่ขวัญถ้าไม่ปฏิบัติตาม และนิทานจะยอดเยี่ยมมากถ้าปฏิบัติตาม เช่น หัวนอนห้ามหันไปทางห้องน้ำ จะทำให้โชคลาภไม่เข้า จริงๆ ก็คือ ห้องน้ำเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค เราไม่ควรนอนดมอยู่แล้ว หรืออีกสักตัวอย่าง เช่น ไม่ให้มีต้นไม้ตายหน้าบ้าน หรือห้ามหน้าบ้านรกรุงรัง จะทำให้คนในบ้านทำอะไรไม่สำเร็จ แน่นอน ถ้าคุณกำลังจะไปทำงานนอกบ้าน ออกมาเห็นสภาพหน้าบ้านเหี่ยวเฉา รกรุงรัง คุณคงไม่เบิกบาน อีกทั้งขากลับเข้าบ้าน จะพักผ่อนหน้าบ้านก็ไม่มีที่นั่ง เพราะความรก หรือ ดีไม่ดี ต้นไม้หักลงทับเอาอีก แต่ล่ะเรื่องส่วนมาก จึงเป็น กุศโลบาย นิทานแฝง เพื่อให้ชีวิตราบรื่น นั่นเอง การแต่งงานเป็นพิธีมงคลในการที่คนสองคน ที่มาจากการเลี้ยงดูคนล่ะอย่าง มาจากประสบการณ์กันคนล่ะแบบ จะต้องมาปรับจูนเข้าหากัน เพื่อเริ่มกำเนิด เกิดก่อ วิถีชีวิต ของครอบครัวใหม่ การถ่ายพรีเวดดิ้ง ก็เหมือนกับ ประตูบานแรกที่พวกคุณทั้งคู่ จะเริ่มเดินบนสะพานที่ต้องก้าวไปพร้อมๆ กันแล้ว ภาพนี้ จะเป็นภาพที่คู่บ่าวสาวจะใช้หน้างานแต่ง ติดที่บ้านเมื่อเข้าบ้าน เพื่อแสดงถึงความรักที่ประสบความสำเร็จ เป็นภาพก้าวแรกในชีวิตคู่ ผมจึงเกิดไอเดีย ในการแต่ง พญาไม้ เวดดิ้งสตูดิโอ เพื่อถ่ายพรีเวดดิ้ง ของผม ให้ภาพออกมา มันสื่อความหมายที่ดี ความหมายที่คู่ชีวิตใหม่กำลังเริ่มถักทอและเดินไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ตามที่คาดหวัง โดยเอาความเชื่อตามศาสตร์ฮวงจุ้ย เข้ามาผสมผสาน กับ สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่มีความสวยงามเพื่อให้คู่บ่าวสาว ที่มาใช้บริการที่ผม ได้เกิดความเป็นมงคล ตั้งแต่ก้าวแรกในชีวิตคู่ และได้ภาพที่สวยงาม สวยหรู และอลังการ นอกจากการผสมศาสตร์ทางฮวงจุ้ยแล้ว ผมยังใช้ศาสตร์ทางมูเตลู ซึ่งอย่างที่เราๆ รู้ กัน ศาสนาพุทธ ในประเทศไทย เป็น ศาสนาที่รวมมาหมด ทั้ง พุทธ ผี ฮินดู พราหมณ์ เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกัน และ พระ หรือ เทพ หลายๆ องค์ เราก็ไหว้ นับถือ เพื่อความร่ำรวย ความมั่งคั่ง มั่นคง ความสำเร็จ โชคลาภ การค้า หรือแม้กระทั่งสุขภาพ มาจนเป็นวิถีชีวิตของคนไทย เรามีความสุข รู้สึกสบายใจ เมื่อได้ไหว้พระ ขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผมก็เชื่อมากว่า รูปแบบการใช้ชีวิตแบบนี้ เป็นเหมือนรากเหง้าในวิถีชีวิตของเราชาวไทย ยังไง มีรูปแรกในชีวิตคู่ ร่วมกันไหว้ หาความเป็นมงคลกับ พระ หรือ เทพ องค์ที่เรานับถือ ไว้ที่บ้าน หรือ ที่ทำงาน ก็ล้วนเป็นมงคลสุดยอด ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ที่ผมชัวร์ ล้านเปอร์เซ็นต์ มีรูปมงคลติดบ้าน ย่อมดีกว่า รูปที่ ไม่เป็นมงคลแน่ๆ ครับ
ลองคิดดูสิ ผมเห็นคู่บ่าวสาว หลายคู่ ที่ไปถ่ายกับ ต้นไม้รกๆ ไม่มีระเบียบ แถมยืน นั่ง นอน กับพวก ของตกแต่งสวนที่เป็น ปรักหักพัง ขาโต๊ะหัก เก้าอี้ร้าวๆ หรือ แจกันที่ทำให้เก่า แตกๆ หักๆ ถ้ามองเป็นศิลปะ มันก็เป็นศิลปะ ถ้ามองในอีกมุมนึง ยังไม่ทันจะได้สร้าง แค่เริ่มก็ปรักหักพัง แล้ว จะเอาภาพแบบนั้นไปแขวนห้องรับแขก จริงๆ เหรอ
หลังจากได้รูป คู่บ่าวสาว จะนำรูปไป เบิกเนตร พระ หรือ เทพ ในรูปนั้น ก็ยิ่งเป็นมงคลขึ้นไปอีกขั้น บางเรื่องพูดไปก็เหมือนนิทานหลอกเด็ก บางเรื่องถ้าไม่ได้ลองบูชาดู ก็ไม่รู้หรอกว่า บางครั้งความสำเร็จมันก็ง่ายขึ้นแบบไม่มีคำอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์
ติดต่อเรา
- ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 44 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.
- 090-506-0000
- พญาไม้ เวดดิ้งสตูดิโอ
- prayamaiweddingstudio